หนัง av

ศิลปะการมัดเชือก มาล้วงประวัติและความเป็นมาของกิจกรรมทางเพศของญี่ปุ่น ในรูปแบบของการพันธนาการด้วยเชือก มันดีแค่ไหนกันนะ?

ศิลปะการมัดเชือก สำหรับคนที่เป็นสาวกหนังเอวี หรือหนังผู้ใหญ่ หลายคนก็คงจะเคยเห็นฉากที่มีหญิงสาวสวย ถูกมัดมือไพล่หลัง และร่างกายถูกพันธนาการด้วยเชือก ซึ่งก็จะเป็นการมัดไปในรูปแบบที่คล้ายๆ กัน ก็คือเชือกจะพันรอบหน้าอกของเธอ และอาจแขวนเพื่อยกขาขึ้น หรือทั้งตัวก็ได้ ซึ่งก็ดูเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้น กำลังโดนใยแมงมุมที่กำลังจับเหยื่อ ในการกระทำแบบนี้ทางญี่ปุ่นเรียกว่า ชิบาริ เป็นการพันธนาการด้วยเชือกของญี่ปุ่น มันค่อนข้างแตกต่างจากแส้หนัง และโซ่โลหะ ที่พบในเครื่องพันธนาการแบบตะวันตก

ซึ่งการพันธนาการด้วยวิธีต่างๆ จะบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ และแรงกระตุ้นที่ต่างออกไป ดังนั้นเราอยากจะพูดถึงประวัติของชิบาริ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ได้รับความนิยมได้อย่างไร และกลายเป็นรูปแบบที่ร่วมสมัยใหม่ ที่มีมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการมัดชิบารินั้น สามารถมองได้ในหลายแง่มุมมากๆ อาจจะมองในรูปแบบของเรื่องเซ็กส์ ในการตอบสนองรสนิยมทางเพศแนวบีดีเอสเอ็ม หรือมองในแง่ของงานศิลปะ หรือสามารถมองไปถึงการบำบัดทางจิตใจ สร้างสมาธิได้ เราจึงมาเสนอการมัดชิบาริ ที่มีมากว่าแค่เรื่องเซ็กส์

ศิลปะการมัดเชือก

อันดับแรกถ้าเราจะพูดถึง ว่ามันเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ที่ศิลปินนำมาสร้างสรรค์ผลงาน ที่สะท้อนมุมมองในเรื่องของความคลั่งไคล้ หรือการตอบสนองอารมณ์  ออกมาในรูปแบบต่างๆ ที่ว่ากันตามตรงแล้ว สำหรับใครบางคนเหมือนเห้นภาพหญิงสาวอินโนเซนต์ ถูกจับมามัดด้วยเชือก และสูญเสียซึ่งอิสระนั้น อาจเป็นสิ่งที่คุ้นตาจากภาพยนตร์ผู้ใหญ่ สไตล์ญี่ปุ่น ที่บางครั้งคุณอาจจะโฟกัสกับกิจกรรมอื่นๆ ขณะเสพภาพหญิงสาวเหล่านั้นอยู่ จนอาจลืมที่จะพินิจพิจารณา กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นมากกว่า แต่เป็นเพียงแค่วัตถุทางเพศ

ซึ่งความเป็นมาของศิลปะ ที่หลายคนมองว่า เป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ทางเพศนั้น มีจุดเริ่มต้นในสมัยเอโดะเมื่อเกือบ 800 ปีที่แล้ว ที่เหล่าซามูไรใช้การมัดเชือกแบบ “คินบาคุ” ที่มีความหมายว่า “พันธนาการ” เป็นตัวมัดหรือกักขังเหล่านักโทษอาชญากร เชลยศึก หรือทาส เพราะในสมัยนั้น โลหะยังเป็นสิ่งที่หายากและมีราคาแพง สังเกตได้จากเชือก ที่ใช้มักจะเป็นส่วนหนึ่งของชุดซามูไร ดังนั้นเชือกจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด และด้วยความที่ซามูไรคือเพศชาย เมื่อมาเจอกับทาส หรือเชลยที่เป็นเพศหญิง แน่นอนว่าความใคร่ก็บังเกิด

หลายคนก็ไม่แปลกใจที่จุดเริ่มต้น มันก็มาจากความใคร่ในเรื่องเพศนี่เอง ที่ทำให้การมัดเชือกนั้น ถูกเปลี่ยนหน้าที่จากการมัดนักโทษ เป็นวิธีการตอบสนองอารมณ์ทางเพศอันรุนแรง ที่เกิดอารมณ์จากการเห็นผู้หญิงตก อยู่ภายใต้พันธนาการ และสูญสิ้นซึ่งความมีอิสระ หลังจากนั้นจึงถูกเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นชิบาริ ในช่วงหลังจากที่ญี่ปุ่น แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ที่ผสมผสานกับความสวยงาม ความเป็นศิลปะที่ยังคงอยู่ บนพื้นฐานของความเจ็บปวด และรสนิยมทางเพศเฉพาะกลุ่ม

มีนักวาดภาพชาวญี่ปุ่น ที่เริ่มทำให้งานศิลปะแห่งความเจ็บปวดนี้ ได้เรื่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลาย นั่นก็คือ เซอิยู อิโตะ โดยในช่วงแรกเขาได้แรงบันดาลใจ มาจากการแสดงละครคาบูกิ ในสมัยเอโดะที่มีตัวละครเป็นผู้ชายทั้งหมด และมีการผสมผสานการร้อง การเต้น รวมถึงการทรมานร่างกาย ที่เขาพัฒนามาเป็นตัวละครผู้หญิง ที่ถูกทรมานจากการถูกมัดไว้นั่นเอง โดยเขาจะเป็นผู้ลงมือมัดหญิงสาว ที่เลือกมาเองกับมือ ก่อนจะลงมือวาดภาพ ทว่าในสมัยนั้นศิลปะแบบนี้ ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับกันในวงกว้าง

จนกระทั่งยุคสมัยได้เปลี่ยนไป หลายๆ สิ่งก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย รวมไปถึงพฤติกรรมท่าทาง และวิธีการร่มเพศที่แปลกๆ รวมไปถึงรสนิยมทางเพศ ที่พัฒนาไปในหลากรูปแบบ โดยเฉพาะกับกิจกรรมทางเพศ ที่ทำให้เกิดความพึงพอใจของทั้งฝ่ายกระทำ และฝ่ายถูกกระทำ ซึ่งเสน่ห์ของการมัดเชือกคือ ยิ่งมัดยากเท่าไหร่ แก้ยากแค่ไหน เท่ากับว่ายิ่งแน่นก็ยิ่งมีความสุข ทำให้ผู้ที่สนใจชิบารินั้น ได้ย้อนกลับมาศึกษางานของเขาเพิ่มเติม จนเป็นตัวจุดประกายงานสไตล์มัดเชือก ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

ความรุนแรงที่เต็มใจ กับการกระทำเหมือนเป็นวัตถุทางเพศ เพื่อตอบสนองตัณหาของทั้งสองฝ่าย

แน่นอนว่ามีคนที่ดูหนังโป๊ และเห็นฉากในการมัดพรือวิธีการพันธนาการต่างๆ ก็มักจะมีความชื่นชอบ ถึงแม้ว่ามันจะดูโหดร้าย แต่ภายใต้ปมเชือกที่โอบอุ้มร่างกายอยู่นั้น คือความงามที่แท้จริงของศิลปะประเภทนี้ เพราะการมัดเชือกชิบารินั้น ต้องใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงความใส่ใจต่อร่างกาย เส้นเลือด และกล้ามเนื้อ จนเป็นการทำงานที่สอดคล้องกัน ทั้งระบบร่างกายและระบบความคิด เหมือนกับเป็นการซับพอร์ตซึ่งกันและกัน ที่อาจมากเสียจนนำไปสู่ขั้นการบำบัดจิตใจ และค่อยๆ เยียวยาแบบช้าๆ

เนื่องจากสมาธิที่เกิดขึ้น ในกระบวนการและขั้นตอนแต่ละอย่างนั้น อาจทำให้ทั้งผู้ที่กระทำ และผู้ถูกกระทำ ก็อาจจะเข้าสู่ห้วงของสมาธิจริงๆ โดยไม่รู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ แต่มันก้ต้องขึ้นอยู่กับอุปกรณ์สำคัญ อย่างเชือก ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เชือกแบบไหนอะไรก็ได้ เพราะเชือกที่นำมาใช้ จะต้องเป็นเชือกป่าน หรือเชือกปอที่ผ่านการกำจัดเสี้ยน กำจัดขนมาแล้วเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถสัมผัสกับผิวมนุษย์ ได้โดยที่ไม่บาดผิว และไม่สร้างความระคายเคือง หรือทิ้งร่องรอยที่มันลึกเกินไป

และสิ่งสำคัญในงานศิลปะทางเพศแขนงนี้ ที่เป็นอุปกรณ์อย่างเชือกนี้เอง ที่เมื่อเราพูดถึงทางฝั่งของตะวันตก ก็ได้รับการพัฒนาเป็นอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโซ่ แส้ กุญแจ สายหนัง หรืออะไรก็ตามแต่ ที่ชวนให้ดูรุนแรงและมีความซาดิสม์ ที่ได้รับการยอมรับกันอย่างเป็นวงกว้าง และถูกหยิบยืมมา เป็นแรงบันดาลใจ ให้แก่หลากหลายวงการ ไม่ว่าจะแฟชั่น ภาพยนตร์ หรือวงการเพลงก็ตาม นี่จึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจไม่น้อย ว่าหากเราเพียงแค่ปรับมุมมอง ให้ทุกสิ่งดูเป็นงานศิลปะ มันก็อะไรที่มากกว่าเพียงเรือนร่างของหญิงสาว ที่ชวนให้เกิดอารมณ์ทางเพศ

ซึ่งก็หมายความว่า ถึงแม้จุดเริ่มต้นของการมัด จะเป็นเรื่องของอารมณ์ความใคร่ แต่จุกประสงค์มันก็ไม่ได้นำมาตอบสนอง ความต้องการทางเรื่องเพศอย่างเดียว ในปัจจุบันนี้ ได้มีการผสมผสานความงาม และศิลปะต่างๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก การมัดเชือกมีเทคนิคลูกเล่นหลายแบบ เช่น การนำเทคนิคการมัดเชือก ไปทำสิ่งถักถอต่างๆ หรือสามารถทำให้เรามีสมาธิ ที่ได้อยู่กับตัวเองจากการถูกมัด จึงจัดเป็นงานศิลปะที่อยู่บนพื้นฐาน “ความเจ็บปวดโดยเต็มใจ”

สำหรับคนส่วนใหญ่ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของความรุนแรง การมีอาการทางจิต และดูเป็นความผิดบรรทัดฐานของสังคม แต่วิธีการผูกเงื่อนปมของชิบาริ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยการเรียนรู้พอสมควร การวางตำแหน่งต่างๆ บนร่างกาย ต้องอาศัยเรื่องวิทยาศาสตร์กายภาพร่วมด้วย โดยเฉพาะบางจุดที่ห้ามมัดอย่างเด็ดขาด และสิ่งที่เน้นย้ำอคือ ความหมายของทุกการสัมผัส ที่ไม่จำเป็นต้องสร้างแต่ความเจ็บปวดทรมาน แต่เป็นการสื่อสารถึงจิตวิญญาน โดยใช้เชือกเป็นเครื่องมือ www.avav999.com/

Category:

porntube

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*